วันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2557

การเดินทางสุดระทึก...

เที่ยวบินระทึกใจ

และแล้ววันของฉันก็มาถึง เสียงนาฬิกาปลุกขึ้นตอนตีสามครึ่ง แต่ก็ไม่ได้ปลุกคนหรอกนะ เพราะคนน่ะ ไม่ได้หลับเลยตั้งแต่คืนก่อนบิน โดยส่วนตัวเป็นคนนอนดึกมากแล้วให้มาหลับตอนหัวค่ำแล้วตื่นตีสามเลยคงไม่ไหว เลยเอาว่ะ! ไม่หลับมันซะ ไหนๆก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับเวลาที่นั้นอยู่แล้ว .... ในความมืดของวันนั้นเราอาบน้ำด้วยความเร็วเพราะกลัวจะตกเครื่อง ปลุกลุงป้า พ่อแม่ พี่ชายพี่สาวปลุกหมดบ้านเพื่อให้ไปส่งที่สนามบิน.. (ตอนนั้นก็คิดนะ ทำไมไม่ปลุกไปส่งแค่คนเดียวว่ะ) พอเวลาเลยมาเกือบตีสี่ครึ่งได้มั้ง ได้เวลาล้อหมุนแล้วววววว....

ระหว่างทางเราคิดอะไรไปเรื่อย ไปที่นั้นจะเป็นยังไง ทำอะไร จะผ่านตม.มั้ย? ที่สำคัญจะกระเป๋าที่ขนอาหารแห้งจะโดนริบหรือป่าวมันน่าคิด ... จนกระทั่งมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิที่เราให้คำมั่นว่า ซักวันจะมาเหยียบเพื่อไปเมืองนอกให้ได้ ในที่สุดฉันก็มา ... ฮ่าๆๆๆๆ  >[]< เราไปสายการบินเจแปนแอร์ไลน์แล้วเปลี่ยนเครื่องไปอเมริกันแอร์ไลน์ที่นาริตะ แล้วจะบอกก่อนขึ้นเครื่องนั้นเรารู้สึกไม่ดีเหมือนตัวเองท้องจะเสีย .. เราเลยบอกกับเพื่อนว่า ท้องเสียตั้งแต่อยู่สุวรรณภูมิแล้ว


กำลังจะไปแล้วนะ

และแล้วจนขึ้นเครื่องบินจะไปนาริตะ เอาล่ะซิ.. ท้องไส้มันกำลังประท้วง ข้าศึกตีหน้าด่าน แล้วอีกประมานเกือบ 5 ชั่วโมงจะถึงนาริตะ ตายค่ะตาย.. ตอนนั้นคือไม่รอดแน่ ไทยเราจะเสียกรุงครั้งใหญ่ให้กับมหันตภัยในท้องเสียแล้วหรือนี้!?!? เพราะอย่างนั้นเราเลยแก้ปัญหา... หลับมันซะเลยจะได้ไม่ต้องรู้สึกว่าจะไปเข้าห้องน้ำ .. ซึ่งมันก็ได้ผลนะ พอถึงนาริตะ เราจัดการคว้ากระเป๋าแล้วลากแขนเพื่อนไปห้องน้ำทันที ... พอมาเห็นห้องน้ำที่นี้เท่านั้น อืมหื้มมม เอากลับบ้านได้มั้ย? มันช่างสุขซะนี่กระไร .. หลังจากทำการสำเร็จโทษข้าศึกไปแล้วนั้น เราก็ไป Gate ทันทีนั่งรอขึ้นเครื่องที่นี้ประมาณชั่วโมงนิดๆ เค้าเรียกให้ขึ้นเครื่องค่ะ





เอาล่ะได้เวลาสัมผัสกับสายการบินของชาติอเมริกาแล้ว เครื่องใหญ่ ที่นั่งกว้างพอจะขยับตัวได้ค่ะ ไม่ต้องรู้สึกอึดอัด ... แต่แล้วยังไงค่ะ? เป็นอีกแล้วค่ะ ข้าศึกกำลังจะตีประตูเมืองอีกแล้ว ตอนนั้นเราคิดในใจเลยนะ ทำไมว่ะ กะอีแค่ไปเมืองนอกครั้งแรก มึงต้องการให้กูปล่อยจองที่ทุกสนามบินเลยเหรอ? เหมือนหมาจองเขตแดนตัวเองเลย ... เราไม่รู้จะทำไง ได้แต่..หลับ ลูกเดียวเลยค่ะ  ,, จะรู้สึกปวดแบบนี้เวลาแอร์มาเสิร์ฟอาหารระหว่างการเดินทางเท่านั้น ... เราทรานซิสอีกครั้งที่เมือง Dallas,Taxas ...เราก็เหมือนเดิม วิ่งลงจะเครื่องให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้สำเร็จปลิดชีพข้าศึกให้สิ้นซักที .. เราใช้เวลาไม่นานกับการกำจัดมันครั้งนี้ เราเลยไม่ต้องรีบตาหลีตาเหลือกไปเข้าแถวผ่านตม.ค่ะ =)



ในสนามบิน Dallas เราต้องนั่งรถไฟฟ้าในสนามบินเพื่อไปอีก Terminal นึง เพื่อที่จะได้ทรานซิสเครื่องอีกครั้ง แต่ก่อนเราจะนั่งรถไฟไปเปลี่ยนเครื่อง เราต้องผ่านตม.กันก่อนค่ะ โชคดีที่ตม.ไม่ค่อยถามอะไรนอกจากมาทำอะไร อยู่ที่ไหนแค่นั้นเอง จากนั้นเราก็ไปเอากระเป๋าเพื่อที่จะเปลี่ยนเป็นสายการบินเดิมแต่บินในประเทศแทนค่ะ เครื่องเลยจะเล็กลงมา พอเราได้กระเป๋า เรากับเพื่อนก็จะต้องผ่านกรมสรรพกรของที่นั้นเพื่อตรวจเช็คว่านำของอะไรเข้าประเทศเค้ามั้ย? มีคนแนะนำให้ตอบ NO!! ลูกเดียวค่ะ แล้วจะไม่มีอะไรให้ถามอีก ฝรั่งขาววัยกลางคนเห็นเรากับเพื่อนหน้าเหมือนกันมั้งค่ะ เลยถามว่าเป็นพี่น้องกันหรือป่าว .. พวกเราถึงกับปล่อยก๊ากเลยค่ะ แต่ก็บอกแกว่าไม่ใช่ ..
พอเราจบบทสนทนาเรื่องอาหาร เราก็ลอยลำค่ะ แต่เพื่อนเราซิค่ะ ดันบอกว่า เอามาม่ามา .. เค้าเลยขอสแกนกระเป๋า เรางี้เหงื่อแตกเลยค่ะ เพราะดันบอกไม่ได้เอาอะไรมา ... พี่แกพาเราสองคนเข้าห้องสแกนกระเป๋าทันที ห้องใหญ่มาก เครื่องสแกนหลายเครื่องมาก แอร์เย็นมากกก แต่เหงื่อมาเต็มค่ะ กลัวโดนปรับ แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะเสื้อผ้าเราอัดแน่น และของทุกอย่างเรายัดไว้ตรงกลางทั้งหมด 555 ส่วนเพื่อนเราโดนยึดโจ๊กไก่ไป แต่นอกนั้นเอาเข้าได้ ไม่มีปัญหา เจ้าหน้าที่บอกว่า ห้ามนำอาหารแปรรูปเกี่ยวกับไก่เข้าประเทศค่ะช่วงนั้น 


ต่อแถวจะเข้าเมืองทั้งนั้น

หน้าเหียกมากกก กำลังจะไปต่อเครื่องครั้งสุดท้าย

พอหลุดจากตรงนั้นมา เราก็ระเห็จมาเช็คอินเพื่อจะเปลี่ยนเครื่องไป Boston ค่ะ .. ลากกระเป๋าให้กับเจ้าหน้าที่ .. แล้วเรากับเพื่อนก็เดินลัลล้าไป Gate ทันทีเพื่อรอเวลาจะไปเขตหนาวของเมือง Boston ... เพราะตอนที่อยู่ Dallas นั้น อากาศเค้าเหมือนบ้านเราค่ะ ร้อน ร้อนมากกก ,,,


บรรยากาศไป Boston คึกคักแท้ นี่มัน 5 ทุ่มนะ

กำลังจะผจญเข้าสู่โลกว้างแล้วค้าาาาทุกโค้นนนนนน >[]<

ติชมได้นะค่ะ ยินดีแบ่งปันกัน :3



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น